คาปิบารา เลี้ยงในไทยได้ไหม? ดูประวัติ และวิธีการเลี้ยง

สารบัญ
คาปิบารา หรือที่หลายคนอาจจะรู้จักในชื่อ “กะปิปลาร้า” หรือ “หมูมะพร้าว” เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับหนูตะเภาซึ่งในสายพันธุ์หนูเจ้าคาปิบาราถือว่าเป็นสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุด แล้วรู้กันหรือไม่ว่าในไทยเราสามารถซื้อคาปิบารามาเลี้ยงได้นะ เพียงแต่ต้องมีขั้นตอนการขออนุญาตอย่างถูกต้อง ซึ่งหากคุณกำลังสนใจอยากเลี้ยงเจ้าคาปิบารา อ่านบทความนี้แล้วจะได้เข้าใจกับเจ้าหนูยักษ์สุดเฟรนด์ลี่ตัวนี้แน่นอน มาดูกันว่าเจ้าคาปิบาราประวัติมาจากประเทศอะไร มีลักษณะนิสัยอย่างไร แล้วการเลี้ยงต้องเตรียมตัวยังไงบ้างไปติดตามพร้อมกันได้เลย

ประวัติ คาปิบารา มาจากประเทศอะไร
คาปิบาร่า (Capybara) ชื่อวิทยาศาสตร์ Hydrochoerus hydrochaeris เป็นสัตว์ฟันแทะตระกูลหนูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ถิ่นกำเนิดของมันมาจากทวีปอเมริกาใต้ พบมากในประเทศบราซิล, เวเนซุเอลา, โคลอมเบีย, ปารากวัย และอาร์เจนตินา โดยเจ้าคาปิบาราถูกค้นพบครั้งแรกในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 ขณะที่อาณานิคมไอบีเรียได้เข้าสำรวจยังพื้นที่อเมริกาใต้ และได้เรียกเจ้าสัตว์ชนิดนี้ว่าเป็นหมูชนิดหนึ่ง
โดยเจ้าคาปิบาร่านั้นเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการที่สวนสัตว์และศูนย์อนุรักษ์หลายแห่งนิยมนำมาจัดแสดง ทำให้หลายคนโดนเสน่ห์ความน่ารักของมันตกเข้าอย่างจังจนเริ่มมีฟาร์มเพาะพันธุ์คาปิบาร่าจำหน่ายโดยประเทศที่ได้รับความนิยมมากคือที่สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น
คาปิบารา ซื้อมาเลี้ยงได้ไหม
แล้วคำถามที่ว่า Capybara เลี้ยงในไทยได้ไหม? คำตอบคือในไทยสามารถซื้อคาปิบารามาเลี้ยงได้ แต่เนื่องจากเจ้าคาปิบาราจัดอยู่ในประเภทสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ทำให้ผู้สนในอยากเลี้ยงคาปิบาราต้องดำเนินการขออนุญาตจากกรมป่าไม้ก่อนนั่นเอง

ลักษณะเด่นคาปิบารา มีอะไรบ้าง?
ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับคาปิบารา
ข้อมูลสำคัญ | รายละเอียด |
อายุเฉลี่ย | 8-12 ปี |
น้ำหนัก | 35–66 กิโลกรัม |
ส่วนสูง | ลำตัวยาวประมาณ 100-135 เซนติเมตร |
ลักษณะขน | ขนค่อนข้างหยาบ และแข็ง |
จุดเด่น | เป็นสัตว์ฟันแทะที่ขนาดตัวใหญ่ที่สุดในโลก |
เจ้าคาปิบาร่าเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างมีลักษณะเด่นเฉพาะตัว ด้วยลักษณะตัวเป็นทรงกระบอกกลมๆ ขนสั้นสีน้ำตาลแดงหรือบางตัวก็จะมีสีน้ำตาลอมเหลือง มองดูแล้วมีความคล้ายหนูไซส์ยักษ์ ในส่วนของใบหูสั้น ไม่มีหาง มีพังผืดที่เท้าทำให้พวกมันว่ายน้ำเก่งมากและดูเหมือนว่าเจ้าคาปิบาราจะชอบแช่ตัวในน้ำด้วย และหากสังเกตที่ขาของพวกมันดีๆ จะเห็นว่าขาหลังของเจ้าคาปิบารายาวกว่าขาหน้าทำให้ลักษณะการยืนของมันคล้ายกับตัวบีเวอร์ และแอบกระซิบว่าเห็นน้องตัวกลมๆ แบบนี้แต่ปีนป่ายเก่งมากด้วย

คาปิบารา ลักษณะนิสัยอย่างไร
คาปิบาร่า นิสัยอย่างไรเชื่อว่าในการรับรู้ของหลายๆ คนนั้นเจ้าคาปิบารานิสัยค่อนข้างเป็นมิตร ซึ่งต้องบอกเลยว่านั่นคือเรื่องจริง เพราะเจ้าคาปิบาราเป็นสัตว์สังคม พวกมันจะชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม 10-20 ตัวเลยทีเดียว และการอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่นี้ก็จะมีคาปิบาราเพศผู้คอยทำหน้าที่เป็นจ่าฝูง และจ่าฝูงเพศผู้ที่เป็นอันดับรองลงมาจะอยู่นอกฝูง เวลาเจอกับอันตรายก็จะทำหน้าเป็นผู้พิทักษ์คอยเตือนเพื่อนๆ ในกลุ่มนั่นเอง และสำหรับผู้ที่เลี้ยงคาปิบาราก็จะรู้ว่าเจ้าคาปิบาราชอบอ้อนคนมาก จึงไม่แปลกที่หลายคนโดนตกจนอยากจะมีเป็นของตัวเองสักหนึ่งตัว และนอกจากนิสัยที่เราบอกมานี้เจ้าคาปิบารายังมีพฤติกรรมสุดแปลกซ่อนอยู่อีก ดังนี้

คาปิบารานิสัยกินอึตัวเอง
เนื่องจากเจ้าคาปิบาราเป็นสัตว์กินพืชซึ่งมีเส้นใยสูงทำให้ย่อยยาก ลำไส้ของพวกมันไม่สามารถดูดซึมอาหารทั้งหมดในครั้งเดียวทำให้เจ้าคาปิบาราต้องขับถ่ายออกมาเพื่อกินเข้าไปใหม่อีกครั้งเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
คาปิบารานิสัยชอบแช่น้ำ
ตามธรรมชาติของเจ้าคาปิบารานั้นพวกมันมักจะอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้แหล่งน้ำซึ่งตามมาด้วยนิสัยชอบแช่น้ำ บอกได้เลยว่าเวลาส่วนใหญ่ของเจ้าคาปิบาราหมดไปกับการนอนแช่น้ำ บางครั้งพวกมันก็นอนหลับในน้ำด้วยเช่นกัน เวลาเจ้าคาปิบารานอนจะมีส่วนจมูก ตา และหูที่โผล่ออกมาจากน้ำเท่านั้น
คาปิบาราชอบนอนตอนกลางวัน
ต้องบอกเลยว่าเจ้าคาปิบารานั้นมีนิสัยชอบนอนงีบในเวลากลางวัน และหากวันที่อากาศร้อนพวกมันก็จะไปนอนในน้ำหรือบางครั้งก็หลับอยู่ตามพุ่มไม้ นอกจากเป็นการหนีร้อนแล้วการงีบในเวลากลางวันก็ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับเจ้าคาปิบาราได้เป็นอย่างดี และพวกมันจะออกหากินในเวลาตอนเช้าและตอนเย็น
คาปิบารา เลี้ยงยากไหม
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยกันแล้วว่าจริงๆ แล้วเจ้าหนูยักษ์คาปิบารานั้นเลี้ยงยากไหม หากให้เปรียบเทียบการเลี้ยงเจ้าคาปิบารากับสุนัขหรือแมวก็ต้องตอบว่าการเลี้ยงยากกว่า เพราะด้วยธรรมชาติของเจ้าคาปิบารานั้นต้องการสภาพแวดล้อมและการดูแลทางร่างกายที่ซับซ้อนกว่า และด้วยข้อจำกัดทางกฎหมายที่ผู้เลี้ยงต้องมีใบอนุญาตจึงจะสามารถเลี้ยงได้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเราได้เตรียมข้อมูลการเลี้ยงคาปิบาราเบื้องต้นไว้ให้ดังนี้

จำนวนการเลี้ยง
อย่างแรกสำหรับคนจะเลี้ยงคาปิบารานั้นคือต้องเลี้ยงน้องมากกว่า 2 ตัว เพราะน้องเป็นสัตว์สังคมหากเลี้ยงเดี่ยวๆ จะส่งผลให้คาปิบาราเกิดอาการเครียด และส่งผลต่อพฤติกรรมที่ผิดแปลกไปได้ ในบางตัวอาจเกิดอาการก้าวร้าวได้
พื้นที่เลี้ยงดู
สิ่งต่อมาที่ต้องจัดเตรียมนั้นคือพื้นที่ในการเลี้ยงเจ้าคาปิบาราคุณจำเป็นต้องเลี้ยงน้องในพื้นที่กว้างและต้องมีแหล่งน้ำให้น้องได้นอนแช่อีกด้วย ซึ่งด้วยเจ้าคาปิบารามีขนาดตัวที่ใหญ่และจำนวนการเลี้ยงที่ต้องมากกว่า 2 ตัว ต้องเตรียมพื้นที่เลี้ยงอย่างน้อย 12x20 เมตร และการดูแลความสะอาดสถานที่และบ่อแช่น้ำก็ต้องให้สะอาดอยู่เสมอเพื่อป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนในอนาคต
อาหาร
สำหรับอาหารของคาปิบาราเนื่องจากน้องเป็นสัตว์กินพืชเท่านั้น อาหารหลักจึงเป็น “หญ้าสด” โดยจะให้เป็นหญ้าเนเปียร์, หญ้าขน หรือหญ้าทิมโมธีก็ได้ หรือหากเป็นสิ่งที่หาได้ง่ายก็สามารถให้คาปิบารากินผักบุ้ง, ผักกาด, แครอท หรือฟักทองเป็นอาหารได้ ส่วนอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงนั้นเป็นจำพวกผักโขม, บล็อกโคลี และถั่วฝักยาว
โรคที่พบบ่อยในคาปิบารา มีอะไรบ้าง
ในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงทุกสายพันธุ์สิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้คืออาการเจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น และเพื่อเป็นการเตรียมตัวรับมือกับความเสี่ยงของโรคต่างๆ ที่อาจเกิดกับเจ้าคาปิบาราได้นั้น วันนี้ ENNXO จึงได้รวบรวมโรคประจำสายพันธุ์ และปัญหาสุขภาพที่ต้องระมัดระวังเมื่อเริ่มเลี้ยงเจ้าคาปิบารา
- ปัญหาเกี่ยวกับฟัน เนื่องจากน้องเป็นสัตว์ฟันแทะหากฟันหน้ายาวเกินไปจะส่งผลให้กินลำบากและแทงเหงือกได้ น้องต้องได้กัดหญ้าหรือวัสดุที่ออกแบบมาเพื่อสึกฟัน
- ปัญหาระบบทางเดินอาหาร ทั้งท้องอืด ท้องเสีย ที่อาจเกิดจากการทานอาหารที่ไม่เหมาะสม
- ปัญหาผิวหนังติดเชื้อและพยาธิ เพราะเจ้าคาปิบาราชอบแช่น้ำซึ่งหากน้ำสกปรกก็อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย หรืออาจมีเห็บหมัดตามตัวได้
- โรคฮีทสโตรก ที่มาจากอากาศที่ร้อนจนเกินไป หากพื้นที่เลี้ยงดูไม่มีแหล่งน้ำให้น้องได้นอนแช่เจ้าคาปิบารามีโอกาสเป็นโรคนี้สูง

Q&A รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคาปิบารา
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะยังมีคำถามค้างคาใจอยากรู้เกี่ยวกับเจ้าคาปิบารามากมาย เพราะฉะนั้นเราจะมาไขข้อสงสัยต่างๆ ที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับเจ้าคาปิบาราทั้งหมดกัน
- คาปิบารา ซื้อมาเลี้ยงได้ไหม? คาปิบาราเลี้ยงในไทยได้ แต่การเลี้ยงหนูคาปิบาร่าต้องขออนุญาตเลี้ยงให้ถูกต้องตามกฎหมาย
- คาปิบารา ดังจากอะไร? หลายคนรู้จักเจ้าคาปิบาราในชื่อ “กะปิปลาร้า” หรือ “หมามะพร้าว” แน่นอนว่าดังมาจากกระแสโซเชียลมีมักมีคลิปเจ้าคาปิบาราในกิริยาน่ารักต่างๆ เผยสู่โลกโซเชียลจนกลายเป็นมีม และยังมีเพลง “Capybara” ที่ทั้งทำนองและเนื้อร้องหลอนหูสุดๆ เชื่อว่าชาวโซเชียลทุกคนได้ยินแล้วจะต้องคุ้นเคยเป็นอย่างดี
- คาปิบาราใกล้สูญพันธุ์หรือไม่? คาปิบาราไม่ได้เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์
- คาปิบาร่า เป็นสัตว์ตระกูลอะไร? คาปิบาราเป็นสัตว์ฟันแทะ ตระกูลเดียวกับหนูตะเภา
- คาปิบาร่ามีหางไหม? คาปิบาราไม่มีหาง

ข้อดี-ข้อเสียการเลี้ยงคาปิบารา มีอะไรบ้าง
ขั้นตอนสุดท้ายก่อนตัดสินใจซื้อเจ้าคาปิบารามาเลี้ยง เรามาดูกันว่ามีข้อดี-ข้อเสียอะไรที่ซ่อนอยู่บ้าง?
ข้อดีของการเลี้ยงคาปิบารา
- นิสัยเป็นมิตร
- เข้ากับสัตว์ตัวอื่นได้อย่างดี
- กินหญ้าเป็นอาหาร
- ฉลาด
- มีพฤติกรรมน่ารัก
ข้อเสียของการเลี้ยงคาปิบารา
- ต้องเลี้ยงในที่กว้าง
- ต้องมีแหล่งน้ำในบริเวณที่เลี้ยง
- ไม่สามารถเลี้ยงตัวเดียวได้
- ค่าใช้จ่ายสูง
- มีข้อจำกัดด้านกฎหมาย

คาปิบารา ซื้อที่ไหน?
อยากซื้อคาปิบาร่า ซื้อที่ไหนดี? แน่นอนว่าเจ้าคาปิบารานั้นไม่ได้เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีการซื้อขายกันอยู่ทั่วไป จึงอาจเป็นเรื่องยากในการตามหาแหล่งซื้อขายคาปิบารา เราจึงขอแนะนำ ENNXO ตลาดซื้อขายสัตว์เลี้ยงออนไลน์ที่เปิดให้คุณสามารถเข้ามาลงประกาศขายคาปิบาราฟรี และยังหาซื้อคาปิบาราได้จากที่เอ็นโซ่เช่นกัน การดำเนินการสะดวกเพียงแค่เข้าไปยังเว็บไซต์ ENNXO.COM หรือแอปพลิเคชันแล้วค้นหาคำว่า “คาปิบารา” ก็จะเจอกับสินค้ามากมายพร้อมให้คุณซื้อขายได้เลยทันที
