ประวัติ "ยาดมหงส์ไทย" ยาดมที่ลิซ่า แบล็กพิงก์ (Lisa Blackpink) ใช้

ประวัติ "ยาดมหงส์ไทย" ยาดมที่ลิซ่า แบล็กพิงก์ (Lisa Blackpink) ใช้

ENNXO
/
Blog
/
ประวัติ "ยาดมหงส์ไทย" ยาดมที่ลิซ่า แบล็กพิงก์ (Lisa Blackpink) ใช้
แชร์
Social Sharing
Share on Facebook
Share on Line
Share on Twitter (X)
Copy URL
อัพเดทล่าสุด: 23 มีนาคม 2024

เรียกได้ว่าหมดสต็อกกันเลยทีเดียวกับปรากฏการณ์ “ยาดมหงส์ไทย” หรือเรียกกันว่า “ยาดมลิซ่า” เมื่อมีภาพงานฉลองวันเกิดอายุครบ 26 ปีของเธอในวันที่ 27 มีนาคม 2566 ออกมา โดยชาวเน็ตต่างโฟกัสไปยังยาดมที่ลิซ่าถืออยู่และพบว่ามันคือยาดมหงส์ไทย สูตร 2 แบบหลอด (ถ้าได้ลองดมยาดมหงส์ไทย สูตร 2 บอกเลยว่าหอมมาก) ซึ่งมีหลายคนออกมาตั้งคำถามกันว่าหงส์ไทยมียาดมแบบหลอดตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะคนทั่วไปจะคุ้นชินกับยาดมในรูปแบบกระปุกมากกว่า หลายคนต่างพากันสั่งซื้อยาดมแบบเดียวกับลิซ่าจนสินค้าหมดเกลี้ยงหน้าร้าน ไหนๆ ยาดมก็ Sold Out ไปเรียบร้อยแล้ว ระหว่างรอรีสต็อกสินค้าเรามาทำความรู้จักกับยาดมสมุนไพร ตราหงส์ไทยกันก่อนดีกว่า

หงส์ไทย: เริ่มต้น ล้มเลิก รุ่งเรือง

ประวัติ "ยาดมหงส์ไทย" ยาดมที่ลิซ่า แบล็กพิงก์ (Lisa Blackpink) ใช้

18 ปีกับการเดินทางบนถนนที่เต็มไปด้วยอุปสรรคของ “ธีระพงศ์ ระบือธรรม” เจ้าของบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด จากวันที่ตัดสินใจล้มเลิกกิจการมาจนถึงวันที่สินค้าขายดีจนหมดสต็อก โดยจุดเริ่มต้นของยาดมหงส์ไทยมาจากคุณธีระพงศ์ในวัย 20 ต้นๆ ณ ขณะนั้นเขาเป็นเพียงพนักงานบริษัททั่วไปที่อยากมีรายได้เสริม จึงเริ่มจากการทำน้ำพริกและแคบหมูส่งขายตามร้านโชห่วยทั่วไป มาวันนึงเขาได้อ่านคอลัมน์สร้างอาชีพจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับคอร์สเรียนทำพิมเสนน้ำ คุณธีระพงศ์จึงตัดสินใจไปเรียนและกลับมาทำพิมเสนน้ำและตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ว่าหงส์ไทยแล้วคอยส่งขายตามร้านโชห่วยแทนการส่งน้ำพริกและแคบหมู หลังจากเริ่มขายไปเรื่อยๆ ก็พบว่าพิมเสนน้ำยังไม่ประสบความสำเร็จตามที่เขาตั้งใจเอาไว้ อาจด้วยปริมาณการผลิตในช่วงแรกที่มีจำนวนน้อยเกินไปเลยไม่สามารถตีตลาดลูกค้าให้เกิดความนิยมในวงกว้างได้ ธุรกิจพิมเสนน้ำของเขาก็เริ่มชะลอตัวลง 

ในเวลาต่อมาเขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนไปขายที่ปั๊มนำมันและมินิมาร์ตแทนร้านโชห่วย ผลปรากฏว่าผลิตภัณฑ์ขายดีจนผลิตไม่ทันเลยทีเดียว ไม่นานหลังจากนั้นก็เริ่มมีผู้ผลิตพิมเสนน้ำรายอื่นเล็งเห็นถึงโอกาสในการประกอบธุรกิจนี้ จึงทำพิมเสนน้ำออกมาวางขายและตัดราคาสินค้าของเขา 

หงส์ไทยเริ่มแรกขายอยู่ที่ 28 บาทแต่ผู้ผลิตรายอื่นก็เริ่มขายตัดราคาเป็น 25 บาทและตัดราคามาเรื่อยๆ จนถึง 15 บาท แต่ในเวลาเดียวกันนี้หงส์ไทยยังคงขายราคา 28 บาทตามเดิม ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าพิมเสนน้ำของหงส์ไทยแพง และหันไปใช้แบรนด์อื่นๆ แต่สิ่งที่เป็นปัญหาของการขายพิมเสนน้ำในเวลาต่อมาคือ คุณภาพของพิมเสนน้ำที่วางขายเรียงรายอยู่ในตลาดมีคุณภาพไม่คงที่ส่งผลให้ความนิยมของผู้บริโภคเริ่มลดลงจนหลายๆ แบรนด์ต้องยกเลิกการขายพิมเสนน้ำ รวมถึงแบรนด์หงส์ไทยด้วย

ประวัติ "ยาดมหงส์ไทย" ยาดมที่ลิซ่า แบล็กพิงก์ (Lisa Blackpink) ใช้

มาในปี 2548 สองปีให้หลัง จากที่คุณธีระพงศ์ล้มเลิกกิจการหงส์ไทยและกลับไปทำงานประจำเหมือนเดิม เขาได้เกิดเหตุการณ์ที่จำเป็นให้ต้องออกจากงานประจำ และได้มีโอกาสกลับไปยังปั๊มน้ำมันที่เคยนำพิมเสนน้ำตราหงส์ไทยไปวางขาย และได้มีโอกาสพูดคุยกับพนักงานมินิมาร์ต พบว่าในช่วงระหว่าง 2 ปีที่ได้ล้มเลิกกิจการไปจะมีลูกค้าที่เคยอุดหนุนพิมเสนน้ำของหงส์ไทย จะคอยแวะเวียนมาถามหาหงส์ไทยตลอด เมื่อได้ยินแบบนั้นทำให้คุณธีรพงศ์ตัดสินใจกลับมาทำแบรนด์หงส์ไทยอีกครั้ง

กลยุทธ์การขายหงส์ไทยครั้งนี้เขาเปลี่ยนช่องทางการจัดจำหน่ายอีกครั้ง โดยใช้วิธีเดินเร่ขายในตลาดและคอยเก็บข้อมูลหลังการขายจากบรรดาพ่อค้าแม่ค้า เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าอยู่เรื่อยๆ ในเวลาไม่นานหงส์ไทยก็ได้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ลูกค้าที่ได้ลองซื้อไปใช้ก็เกิดการบอกปากต่อปากจนผลิตตามออเดอร์แทบไม่ทันเลยก็ว่าได้ 

นับตั้งแต่การเริ่มขายหงส์ไทยในตลาดวันนั้น มาถึงตอนนี้เขาก็ไม่เคยได้หยุดขายอีกเลย ถ้าอยากลองซื้อยาดมหงส์ไทยสามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป ทั้งร้านสะดวกซื้อ 7-11 ร้านยา เป็นต้น

ชื่อ “หงส์ไทย” มาจากไหน

ประวัติ "ยาดมหงส์ไทย" ยาดมที่ลิซ่า แบล็กพิงก์ (Lisa Blackpink) ใช้

หลายๆ ท่านอาจกำลังสงสัยที่มาของชื่อว่าทำไมต้อง “หงส์ไทย” โดยเราได้ฟังสัมภาษณ์ของคุณธีระพงศ์เจ้าของแบรนด์ถึงที่มาของชื่อโดยคำว่าหงส์ ได้แรงบันดาลใจมาจากช่วงเวลาที่เขายังทำงานประจำอยู่ ตัวงานต้องอาศัยการเดินทางไปต่างจังหวัดอยู่บ่อยๆ และทุกครั้งที่ไปภาคใต้ จะต้องนั่งรถผ่านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจะมีรูปปั้นหงส์สีสันโดดเด่นตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างทาง เมื่อเขาได้เห็นรูปปั้นนี้ก็รู้สึกติดใจและจะคอยเฝ้ามองทุกครั้งที่ขับรถผ่านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนคำว่า “ไทย” อย่างที่ทราบกันดีว่าเป็นคำนิยามสำหรับการเรียกตัวเองว่าเป็นคนไทย และเมื่อนำมารวมกันจึงกลายเป็นแบรนด์ “หงส์ไทย” อย่างที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน

ยาดมที่ดีต้องยาดมหงส์ไทย

อะไรคือสิ่งที่ทำให้ยาดมหงส์ไทยได้รับความนิยมจนหลายๆ คนต้องพกติดตัวไว้และใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตในช่วงจังหวะที่คุณรู้สึกวิงเวียนศีรษะ หมดแรง สมองตัน คิดงานไม่ออก จังหวะนี้แหละยาดมหงส์ไทยจะช่วยคุณได้ เพราะทันทีที่สูดเข้าไปจะทำให้รู้สึกสมองโล่งปลอดโปร่ง ถึงกับหายวิงเวียนศีรษะเลยทีเดียว

คุณรู้หรือไม่ว่าผลิตภัณฑ์ของหงส์ไทยมีการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ออกมามากกว่า 50 แบบ และมีการพัฒนาสินค้าทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 500 รอบกว่าจะเจอผลลัพธ์ที่ถูกใจลูกค้า โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของหงส์ไทยแบ่งออกเป็น 4 ชนิดใหญ่ๆ คือ ยาดม มีไว้สำหรับบรรเทาอาการวิงเวียงศีรษะ หน้ามืด ตาลาย ยาหม่องกับสเปรย์ มีไว้สำหรับบรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ สุดท้ายคือน้ำมัน มีไว้ดมหรือนวดเพื่อความสดชื่นได้ 

ประวัติ "ยาดมหงส์ไทย" ยาดมที่ลิซ่า แบล็กพิงก์ (Lisa Blackpink) ใช้

สำหรับสินค้าที่ขายดีที่สุดของหงส์ไทยก็หนีไม่พ้นยาดมกระปุกเขียว ที่มีเอกลักษณ์ด้วยสีสันโดดเด่นสะดุดตา โดยกลุ่มคนที่นิยมใช้ยาดมกระปุกเขียวแรกเริ่มจะเป็นบรรดาพ่อค้าแม่ค้า แล้วก็เริ่มกระจายไปสู่พนักงานออฟฟิศ นักเรียนนักศึกษา ทำให้ผลิตภัณฑ์ของหงส์ไทยมียอดขายในปี 2565 มากถึง 50 ล้านบาท แต่คุณรู้หรือไม่ว่ายมดมหงส์ไทยคอนนี้มีทั้งหมด 3 สูตร คือ 1.หงส์ไทย ยาดมสมุนไพร สูตร 2 (กระปุกเขียว), 2.หงส์ไทย ยาดมสมุนไพร (กระปุกเหลือง) และ 3. หงส์ไทย พิมเสนน้ำห่อผ้า (กระปุกขาว)

ประวัติ "ยาดมหงส์ไทย" ยาดมที่ลิซ่า แบล็กพิงก์ (Lisa Blackpink) ใช้

ความนิยมในยาดมหงส์ไทยมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และจะยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณเมื่อมีปรากฏการณ์เจ้าแม่ Sold Out อย่างลิซ่า แบล็กพิงก์ (Lisa Blackpink) หนึ่งในกลุ่มศิลปิน K-POP ชื่อดังระดับโลก ที่ได้บินกลับไทยมาฉลองวันเกิดและมีรูปถ่ายเธอกำลังถือยาดมตราหงส์ไทยปรากฏออกมาในหน้าสื่อจนเรียกเสียงฮือฮา ยิ่งเสริมให้ยาดมตราหงส์ไทยเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น และผู้คนต่างออกมาหาซื้อกันให้ควั่กจนทางบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ต้องออกมาประกาศขอบคุณลิซ่าและแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันว่าสินค้าได้หมดสต็อกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

จากการที่เราได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมาของแบรนด์หงส์ไทยตั้งแต่วันที่เริ่มต้น วันที่ล้มเลิก จนมาถึงวันที่มียอดขายมากกว่า 50 ล้านบาทต่อปี สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากเรื่องราวนี้คือการรักษาคุณภาพสินค้าและการพยายามรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าและนำมาพัฒนาอย่างต่อเนื่อง วันนึงผลของความตั้งใจทั้งหมดจะส่งผลออกมาสู่สายตาประชาชนและมีกระแสตอบรับที่ดีดั่งแบรนด์หงส์ไทยนั่นเอง

แชร์
Social Sharing
Share on Facebook
Share on Line
Share on Twitter (X)
Copy URL

บทความใกล้เคียง