ขอขมากรรม วัดสุทัศน์ ตัดกรรม แก้ปีชง ถอนคำสาบานกับ หลวงพ่อกลักฝิ่น

ขอขมากรรม วัดสุทัศน์ ตัดกรรม แก้ปีชง ถอนคำสาบานกับ หลวงพ่อกลักฝิ่น

ENNXO
/
Blog
/
ขอขมากรรม วัดสุทัศน์ ตัดกรรม แก้ปีชง ถอนคำสาบานกับ หลวงพ่อกลักฝิ่น
แชร์
Social Sharing
Share on Facebook
Share on Line
Share on Twitter (X)
Copy URL
อัพเดทล่าสุด: 23 มีนาคม 2024

ฟ้าใหม่เปิดรับศักราช 2566 ในเทศกาลปีใหม่ไทย ต้องรีบเติมความปังเสริมความสิริมงคล แก้ปีชงกัน เชื่อว่าหลายคนที่เป็นสายมูคงมีโอกาสได้เดินสายทำบุญกันมาบ้างแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปีในมกราคมที่ผ่านมา จนผ่านมาถึงช่วงเมษาหน้าร้อนตามความเชื่อโหราศาสตร์ที่ดวงดาวเคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษาเป็นปีใหม่ของเมืองไทย ขึ้นปีใหม่สายมูแบบเราต้องยิ่งเร่งเครื่องเพิ่มแต้มบุญกัน แต่ถ้าหากเติมบุญแล้ว แต่มีกรรมบังต้องแก้ยังไง วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักวิธีการตัดกรรม ขอขมากรรม บทสวดถอนคําสาบาน กับหลวงพ่อกลักฝิ่น ที่วัดสุทัศน์ แล้วการถอนคำสาบานต้องทำยังไงไปดูกันเลย

ขอขมากรรม วัดสุทัศน์ ตัดกรรม แก้ปีชง ถอนคำสาบานกับ หลวงพ่อกลักฝิ่น

วัดสุทัศนเทพวรารามกับพื้นที่วัดศักดิ์สิทธิ์

ในช่วง พ.ศ. 2350 มีการรื้อฟื้นธรรมเนียมการสร้างวัดกลางเมือง โดยรัชกาลที่ 1 มีพระราชดำริให้สร้างวัดนามว่า วัดมหาสุทธาวาส วัดตั้งอยู่บริเวณพระนครชั้นนอกตามคติทางศาสนาอย่างวัดในสมัยอยุธยา โดยวัดสร้างขึ้นตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 3 หรือใช้เวลานานถึง 40 ปี และเสร็จสิ้นในช่วงรัชกาลที่ 3 ตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

จนมาถึงรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เปลี่ยนนามวัดใหม่อีกครั้งเป็น “วัดสุทัศนเทพวราราม” แปลว่า ศูนย์กลางของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ที่เป็นที่ประทับของพระอินทร์ ซึ่งวัดสุทัศน์เรียกได้ว่าเป็นวัดที่มีความสำคัญมาก และเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืององค์สำคัญของไทยถึงสามองค์ ได้แก่ พระศรีศากยมุนี พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ และพระพุทธเสรฏฐมุนี อย่างไรก็ตามพระพุทธรูปองค์ที่เราจะกล่าวถึงต่อไปนี้ คือ พระพุทธเสรฏฐมุนีหรือพระกลักฝิ่น พระพุทธรูปที่มีลักษณะพิเศษ และเป็นพระพุทธรูปที่มีองค์เดียวในประเทศไทย ด้วยองค์พระพุทธรูปหล่อมาจากกลักฝิ่น

ขอขมากรรม วัดสุทัศน์ ตัดกรรม แก้ปีชง ถอนคำสาบานกับ หลวงพ่อกลักฝิ่นขอขมากรรม วัดสุทัศน์ ตัดกรรม แก้ปีชง ถอนคำสาบานกับ หลวงพ่อกลักฝิ่น

หลวงพ่อกลักฝิ่น พระพุทธปฏิมากรเพียงหนึ่งเดียว

สมัยรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้สร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิราบสร้างอย่างพิมพ์นิยมของรัชกาลที่ 3 หล่อหลอมขึ้นจากกลักฝิ่น จึงเป็นที่มาของชื่อตามที่ชาวบ้านขนามนามกันว่า “หลวงพ่อกลักฝิ่น หรือพระกลักฝิ่น” โดยกลักฝิ่นตามที่เรียกกันนั้นอาจหมายถึงกล่องหรือภาชนะที่ใส่ฝิ่น (Opium box) หรือกล้องสูบยา (Pipe)

ขอขมากรรม วัดสุทัศน์ ตัดกรรม แก้ปีชง ถอนคำสาบานกับ หลวงพ่อกลักฝิ่น

จากเหตุการณ์ที่รัชกาลที่ 3 ทรงสร้างพระพุทธรูปจากกลักฝิ่นนั้นเนื่องมาจากสมัยแผ่นดินที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เกิดการระบาดของฝิ่นอย่างหนัก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับสงครามฝิ่นในสภาวการณ์โลก มีชาวจีนหรือกลุ่มอั้งยี่ที่นิยมเสพฝิ่นนำฝิ่นเข้ามากระจายในสยามขณะนั้น ทำให้ผู้คนทั้งบ้านทั้งเมืองเสพติดฝิ่นกันอย่างงมงาย

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงมีพระบรมราชโองการปราบฝิ่นอย่างเคร่งครัด ต่อมาใน พ.ศ. 2382 มีการกวาดล้างฝิ่นเกิดขึ้น มีทั้งฝิ่นดิบและฝิ่นสุก รวมทั้งสิ้นแล้วมากถึง 222,120 กิโลกรัม และถูกนำมาเผารวมกันต่อหน้าประชาชนบริเวณสนามชัย หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท การกวาดล้างครั้งนี้ถือเป็นการกวาดล้างฝิ่นครั้งใหญ่ตั้งแต่เริ่มมีการระบาดมา

ขอขมากรรม วัดสุทัศน์ ตัดกรรม แก้ปีชง ถอนคำสาบานกับ หลวงพ่อกลักฝิ่น

และในปีเดียวกันสารเสพติดชนิดนี้ได้กลายมาเป็นส่วนประกอบสำคัญในการหล่อพระพุทธรูปปฏิมากร โดยในวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2382 รัชกาลที่ 3 ทรงให้นำกลักฝิ่นโลหะจำนวนที่มากเพื่อใช้ในการหล่อพระพุทธรูปนั่นคือ หลวงพ่อกลักฝิ่น หรือพระกลักฝิ่น กระทั่งรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามใหม่ว่า “พระพุทธเสรฏฐมุนี” แปลว่า พระผู้ประเสริฐยิ่ง ประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ ศาลาการเปรียญในวัดสุทัศนเทพวราราม

ขอขมากรรม วัดสุทัศน์ ตัดกรรม แก้ปีชง ถอนคำสาบานกับ หลวงพ่อกลักฝิ่น

หากสงสัยว่าเหตุใดสารเสพติดชนิดนี้ถึงได้ถูกนำมาสร้างเป็นพระพุทธรูปที่เสมือนเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า คงจะเป็นกุศโลบายของรัชกาลที่ 3 ที่ต้องการให้โอกาสผู้คนที่เคยหลงใหลหลงผิดเสพติดฝิ่นได้กลับตัวกลับใจเป็นคนดีหันหน้าเข้าสู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ได้เช่นเดียวกับสารประกอบสร้างในพระพุทธรูปองค์นี้ที่มาจากสิ่งผิดกฎหมายแต่ถูกแปรเปลี่ยนเป็นพระพุทธปฏิมากรอันประเสริฐ รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมทำนุบำรุงพระศาสนาอีกด้วย

ทำไมต้องขอขมากรรมกับพระกลักฝิ่น และทำไมต้องเป็นที่วัดสุทัศน์

ด้วยวัดสุทัศน์ถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ให้เป็นเสมือนศูนย์กลางของพระนคร หรือกล่าวได้ว่าเป็นตำแหน่งของดาวดึงษเทวโลกตามแนวคิดการสร้างแต่โบราณ และยังเป็นที่ประดิษฐานพระศรีศากยมุนี รวมทั้งยังมีนักวิชาการและนักประวัติศาสตร์หลายท่านได้ออกมาอธิบายว่า วัดสุทัศน์นี้ถูกออกแบบทางสถาปัตยกรรมตามคติจักรวาล จึงเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ประดิษฐานพระกลักฝิ่นที่เป็นพระพุทธรูปสร้างมาจากกุศโลบายเปลี่ยนคนที่ตัดสินใจพลาดพลั้งให้กลับตัวกลับใจหันหน้าเข้าพระศาสนา

ทั้งนี้วัดสุทัศน์เป็นต้นกำเนิดพระสุนทรีวาณี บุคลาธิษฐานในรูปเทพยธิดาบนดอกบัวที่มาพร้อมกับพระคาถาสุนทรีวาณีซึ่งเป็นพระคาถาที่สรรเสริญในพระธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ที่นำไปสู่ความรุ่งเรืองของชีวิตและความเป็นเลิศในสติปัญญา นอกจากนี้มีเหล่าอาจารย์ชื่อดังหลายท่านต่างแนะนำว่าวัดสุทัศน์เหมาะแก่การประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเป็นสถานที่สามารถเดินทางสะดวก และเป็นวัดที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองถึงสามองค์ตามตำนาน 108 พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในเมืองไทย เรียกว่าเป็นความมหามงคลอย่างยิ่ง

ขอขมากรรม วัดสุทัศน์ ตัดกรรม แก้ปีชง ถอนคำสาบานกับ หลวงพ่อกลักฝิ่น

ขอขมากรรม วัดสุทัศน์ ถอนคำสาบานต้องทำยังไง

ตามตำราแต่โบราณต่างเล่าขานกันว่าการขอขมากรรม บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะต่อสิ่งใด เทพองค์ใด หรือบรรพบุรุษ ตามธรรมเนียมแล้ว การถอนคำบนบานใช้ธูป 5 ดอก จุดธูปกลางแจ้ง และต้องปักธูปในที่ที่แสงแดดส่องถึงเพื่อบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์เทพยาดาฟ้าดินทั้งหลายทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 18 พื้นบาดาล ให้ได้รับรู้ในความตั้งใจของเรา ทั้งนี้เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เปิดทางให้เราได้

การขอขมากรรม ตัดกรรม หรือถอนคำสาบาน หลวงพ่อกลักฝิ่น วัดสุทัศน์ มีสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมเพื่อทำพิธีได้แก่ ธูป 5 ดอก, เทียนขาวเล็ก 5 เล่ม, ดอกไม้ 5 ดอก และเหรียญ 5 บาท เราสามารถจัดเตรียมไปเองได้ แต่หากไม่ได้เตรียมไว้ทางวัดมีให้บริการชุดละ 50 บาท

เมื่อเตรียมของสักการะเรียบร้อยแล้วท่านต้องจุดธูปเทียนเพื่อบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์พร้อมปักธูปเทียนลงในกระถางกลางแจ้งที่ทางวัดเตรียมไว้ให้ โดยธูปจำนวน 5 ดอกนั้น หมายถึง จำนวนที่ไหว้บูชาพระรัตนตรัย (พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์) รวมถึงพระคุณบิดามารดา และครูบาอาจารย์เป็นสัญลักษณ์แทนทิศทั้ง 5 ทิศ ได้แก่ ทิศเหนือ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศกลาง และทิศใต้

นอกจากนี้จำนวนธูป 5 ดอกนั้นยังนิยมไหว้บูชาพระบรมรูปเสด็จพ่อ ร.5, ศาลตาศาลยาย, ตี่จู่เฮี้ย และเทียนสีขาวนั้นก็หมายถึงความบริสุทธิ์ และจริงใจในการกระทำขอขมากรรมครั้งนี้

ซึ่งในการขอขมากรรมนี้กระทำต่อหน้าพระพุทธเสรฏฐมุนี หรือพระกลักฝิ่นด้วยพระคาถาศักดิ์สิทธิ์อย่างพระคาถาสุนทรีวาณี และกล่าวตามคำขอขมากรรมตามที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ให้ครบถ้วน จากนั้นถวายดอกไม้ต่อหน้าหลวงพ่อกลักฝิ่น

ขอขมากรรม วัดสุทัศน์ ตัดกรรม แก้ปีชง ถอนคำสาบานกับ หลวงพ่อกลักฝิ่นขอขมากรรม วัดสุทัศน์ ตัดกรรม แก้ปีชง ถอนคำสาบานกับ หลวงพ่อกลักฝิ่น

โดยดอกไม้ที่นิยมถวายเป็นดอกบัว เพราะหมายถึงความบริสุทธิ์ ความดีงาม และความเลื่อมใสศรัทธา หยอดเหรียญที่เตรียมไว้จำนวน 5 บาทลงในตู้อนุโมทนาบุญ เป็นอันเสร็จพิธีกรรม โดยท่านสามารถกลับมาขอขมากรรมกี่ครั้งก็ได้ตามความพึงพอใจ

สรุปการขอขมากรรมนี้ ตัวเราในชีวิตโลกปัจจุบันไม่สามารถหยั่งรู้ถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตชาติได้ การขอขมากรรม ตัดกรรม หรือถอนคำสาปแช่งสาบานนี้จึงเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาชีวิต บรรเทาจิตใจให้สงบ คลายความทุกข์ความกังวล ให้กลับไปใช้ชีวิตได้อย่างมีสติ ด้วยพรและบารมีของพระพุทธคุณจากพระพุทธเสรฏฐมุนี พระสุนทรีวาณี และพระคุณบิดามารดานั้นจะยิ่งหนุนนำให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานที่ได้หมั่นเพียร ปรับทิศเปลี่ยนทางชีวิตให้เอนไปหาลู่ที่ดีขึ้น ทั้งนี้การขอขมากรรมนั้นเป็นการกระทำถึงสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ทั้งคำพูด และการกระทำ ดังนั้นการรำลึกและรู้ตัวอยู่เสมอถึงการกระทำ และคำพูดตนเองนั้นเป็นสิ่งที่ดีควรแก่การกระทำ

ขอขมากรรม วัดสุทัศน์ ตัดกรรม แก้ปีชง ถอนคำสาบานกับ หลวงพ่อกลักฝิ่น
แชร์
Social Sharing
Share on Facebook
Share on Line
Share on Twitter (X)
Copy URL

บทความใกล้เคียง